สหพันธ์เทนนิสแห่งเอเชีย หรือ “เอทีเอฟ” คิดการใหญ่ รวมตัววางแผนเสนอจัดศึกเทนนิส “แกรนด์สแลม” รายการที่ 5 ครั้งแรกในทวีปเอเชีย “บิ๊กเอ๋” กิตตน์สมบัติ เอื้อมมงคล นายกเทนนิสไทย เผยจะช่วยสร้างรายได้ ทำกำไรได้กว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่จะสามารถนำไปช่วยพัฒนาวงการกีฬาลูกสักหลาดของแต่ละประเทศได้
“บิ๊กเอ๋” นายกิตตน์สมบัติ เอื้อมมงคล นายกสมาคมกีฬาเทนนิส ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ตนในฐานะที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองประธานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือรองประธานภูมิภาคอาเซียน สหพันธ์เทนนิสแห่งเอเชีย (เอทีเอฟ) ได้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารสหพันธ์เทนนิสแห่งเอเชีย ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ช่วงวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยมี นายอานิล คานนา ประธานเอทีเอฟ ชาวอินเดีย ร่วมด้วย และได้แจ้งมติที่ประชุมครั้งก่อนว่าได้มีการแต่งตั้งบอร์ดเอทีเอฟชุดใหม่อย่างเป็นทางการ รวมถึงมีการแต่งตั้ง นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ นายกสมาคมเทนนิสของกาตาร์ เป็นแชร์แมน (ผู้บริหารหลักที่มีอำนาจในการตัดสินใจ) โดย นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ จากกาตาร์นั้น เป็นเจ้าของช่องบีอิน สปอร์ต (beIN Sports) และยังเป็นประธานสโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วย
นายกิตตน์สมบัติ กล่าวอีกว่า สำหรับวาระสำคัญในการประชุมบอร์ดเอทีเอฟครั้งนี้ เรื่องแรกได้มีการเสนอให้ย้ายที่ตั้งสำนักงานเอทีเอฟจากประเทศอินเดียไปอยู่ที่ประเทศกาตาร์แทน เนื่องจากที่กาตาร์มีศูนย์ฝึกขนาดใหญ่รองรับ และทาง นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ ก็มีความยินดีเต็มที่ในเรื่องการย้ายสำนักงานดังกล่าว ส่วนเรื่องต่อมาที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ทำเรื่องไปถึง สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) ในกรณีการขอลดการจ่ายค่าธรรมเนียม หรือค่า Fee ของชาติสมาชิกไอทีเอฟให้ลดลงมาตามหลักเกณฑ์สัดส่วน เนื่องจากชาติสมาชิกได้รับความช่วยเหลือจากไอทีเอฟน้อยลง
ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทยเป็นชาติสมาชิกไอทีเอฟ และมี 7 โหวต จะต้องจ่ายค่า Fee จำนวน 35,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งที่ประชุมเอทีเอฟจะนำเรื่องนี้นำเสนอต่อไปยัง ไอทีเอฟ เพื่อขอให้ลดค่า Fee ลงมาตามสัดส่วนที่ได้มีการกำหนดไว้ เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของชาติสมาชิกไอทีเอฟอีกด้วย
เรื่องต่อมาเป็นเรื่องข้อกำหนดในการจัดการแข่งขันเทนนิสชิงแชมป์โลก ประเภททีมชาย “เดวิสคัพ” และประเภททีมหญิง “เฟดคัพ” ซึ่งมีข้อกำหนดเรื่องการเสียค่าใช้จ่ายด้านการรักษาความปลอดภัย ที่ประชุมเอทีเอฟ อยากให้มีการปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลงมา เพราะเป็นเงินที่ทางเจ้าภาพจัดการแข่งขันเสียเปล่าประโยชน์มากจนเกินไป โดยเอทีเอฟจะนำเรื่องทั้งหมดนี้เสนอต่อ ไอทีเอฟ ในการประชุมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ต่อไป
“บิ๊กเอ๋” กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ เอทีเอฟ ยังมีการพูดคุยกันถึงแนวคิดในการพยายามผลักดันให้มีการแข่งขันเทนนิสอาชีพระดับแกรนด์สแลม เกิดขึ้นภายในทวีปเอเชียเป็นรายการแกรนด์สแลมที่ 5 ให้ได้ เพราะจากทั้งหมด 4 แกรนด์สแลมไม่มีรายการใดจัดขึ้นในเอเชียเลย ซึ่งชาติในเอเชียจะร่วมมือกันผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะเล็งเห็นว่า รายการแกรนด์สแลม สามารถทำกำไรได้กว่า 50-60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว โดยเฉพาะค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
“ถือว่าเราคิดการใหญ่พอสมควรกับการที่ชาติเอเชียจะรวมตัวกันขอจัดรายการแกรนด์สแลมที่ 5 ซึ่งเอทีเอฟจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน และคาดว่าจะสามารถนำรายได้ไปช่วยพัฒนาวงการเทนนิสของประเทศต่างๆ ได้ ทั้งนี้ หากเกิดขึ้นจริงแล้วจะไปจัดการแข่งขันที่ประเทศไหนนั้น คงต้องมีการพูดคุยกัน อาจจะเป็นชาติแถบอาหรับที่มีความพร้อมอย่าง กาตาร์ หรือชาติใหญ่ๆ อย่างจีน ส่วนประเทศไทยเอง หากเขาเห็นว่าต้องการให้จัดเราก็มีความยินดี แต่จะต้องสร้างสนามแข่งขันขึ้นมาใหม่ ส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีโอกาสเป็นไปได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า” บิ๊กเอ๋ กล่าวทิ้งท้าย