ปี 2020 ปีทอง 2 พี่น้องนักหวดตระกูลโควาพิทักษ์เทศ

Written by LTAT Admin

ปี 2020 ปีทอง 2 พี่น้องนักหวดตระกูลโควาพิทักษ์เทศ

ปี 2020 ปีทอง 2 พี่น้องนักหวดตระกูลโควาพิทักษ์เทศ
แม้ว่าปี 2020 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป อาจเป็นฝันร้ายของใครหลายคน เช่นเดียวกับวงการเทนนิสไทย ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ใครจะไปคิดว่าในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ ก็ยังมีเรื่องให้ได้ชื่นใจกับผลงานของ 2 พี่น้องนักหวดตระกูลโควาพิทักษ์เทศ ซึ่งกอดคอกันสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบว์แดงในปีที่ผ่านมา

“เน็ต” พลภูมิ โควาพิทักษ์เทศ นักหวดหนุ่มดีกรีทีมชาติไทย ในวัย 21 ปี เป็นนักเทนนิสไทยที่ทำผลงานได้อย่างสวยหรูในปฏิทินปี 2020 ด้วยสถิติชนะ 40 แพ้ 5 พ่วงด้วยตำแหน่งแชมป์ชายเดี่ยว 4 รายการใหญ่ในประเทศ ดีที่สุดในบรรดานักหวดไทยด้วยกัน นับเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม และเมื่อยิ่งนำไปเทียบกับ โนวัค ยอโควิช นักหวดหนุ่ม มือ 1 ของโลก ชาวเซิร์บ ที่ทำผลงานในปีนี้ ด้วยการ ชนะ 41 แพ้ 5 ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจไม่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนคงคิดไปในทางเดียวกันว่าจะเอามาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร ในเมื่อ โนเล่ ลงแข่งขันในรายการใหญ่ระดับโลก ส่วน เน็ต ลงเล่นเพียงแมตช์ในประเทศเท่านั้น แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เมื่อตัวเลขมันฟ้อง….

ด้าน น้องสาว “แน็ต” พัณณิน โควาพิทักษ์เทศ ก็ทำผลงานไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน หลังจากประกาศศักดิ์ดา คว้าแชมป์หญิงเดี่ยว รุ่นทั่วไป ในรายการ หัวหิน โอเพ่น 2020 ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี เท่านั้น ซึ่งนับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไปผู้อ่านจะได้รู้ถึงปัยจัยสำคัญที่ทำให้ 2 พี่น้อง ตระกูลโควาพิทักษ์เทศ ระเบิดฟอร์มได้โดดเด่น ในปี 2020

#เตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา ในช่วงที่ทุกอย่างถูกระงับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเจ้าเชื้อร้าย อาจส่งผลให้นักกีฬาหลายคนขาดช่วงจากการฝึกซ้อม จนขาดความต่อเนื่อง แต่เป็นโอกาสกาสที่ดีของ 2 พี่น้องตระกูลโควาพิทักษ์เทศ ที่ยังคงได้ลงฝึกซ้อมที่คอร์ทส่วนตัวของที่บ้าน และรักษาสภาพร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมที่จะกลับมาลงแข่งขันในยามสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ

“ช่วงปลายปี 2019 ผมมีโอกาสได้ไปเก็บตัวที่ประเทศเซอร์เบียร์ ในทิปซาเรวิช เทนนิส อะคาเดมี่ ของ ยานโก้ ทิปซาเรวิช (นักเทนนิสชาวเซิร์บ อดีตมือ 8 ของโลก) ซึ่งภายในนั้นมีผู้เล่นระดับ ท็อป 50 3 คน ผมได้โอกาส ร่วมซ้อม ร่วมฟิตเนส และได้เรียนรู้จากนักกีฬาอาชีพ ซึ่งความต่างที่ผมเห็นได้ชัด คือมีพวกเขามีระเบียบวินัยเคร่งคัด และความเข้มข้นในการฝึกซ้อมสูงมากขณะที่ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากของทุกคน เพราะตั้งแต่มีโควิด-19 ทำให้ทัวนาเมนต์ หายไปค่อนข้างเยอะ ผมจึงใช้เวลาในช่วงนั้นเตรียมตัว ทั้งในเรื่องของการฝึกซ้อมและฟิตเนสอย่างเต็มที่ เพื่อให้พร้อมกลับมาลงแข่งขันอยู่ตลอดเวลา พลภูมิ กล่าว”

“หนูเริ่มต้นปีด้วยความมั่นใจ ด้วยการออกสตาร์ทในแกรนด์ สแลม จูเนียร์ ออสเตรเลียน โอเพ่น รวมถึงอีก 2 แมตช์ ในระดับ จูเนียร์ไอทีเอฟ ที่ไทย กับ มาเลเซีย ก่อนที่โควิด-19 ระบาด จนทุกอย่างหยุดชะงัก แต่หนูไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า หลังจากที่หยุดพักได้ไม่นาน ก็เริ่มกลับมาเข้าสู่โปรแกรมฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น พัณณิน กล่าว”

#ทีมงานดีมีชัยไปกว่าครึ่งอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์ในสนาม ออกมาเป็นที่น่าพอใจ ก็คือทีมงาน ในที่นี้หมายถึง สต๊าฟโค้ช ที่มีหน้าที่คุมการฝึกซ้อม คอยแนะนำ เทคนิค วิธีการเล่น โดย 2 พี่น้องตระกูลโควาพิทักษ์เทศ ทำการฝึกซ้อมในนามของ S.K. Team ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้บรรลุข้อตกลง กับ “ต้น” สนฉัตร รติวัฒน์ นักเทนนิสจอมเก๋าทีมชาติไทย วัย 38 ปี ให้มารับหน้าที่ เทรนด์ ทั้ง “เน็ต” และ “แน็ต” เป็นการส่วนตัว ภายหลังจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ “ต้น” สนฉัตร ที่ต้องเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่แบบไม่ทันตั้งตัว จากเดิมที่ตั้งใจไว้ว่าจะออกแข่งขันอาชีพปีนี้เป็นปีสุดท้าย และปิดฉากเส้นทางนักกีฬาอย่างสวยงาม ทว่ากลับต้องมารับงานโค้ชไวกว่าคิดที่เอาไว้ โดยตลอดระยะเวลากว่า 8 เดือน นับตั้งแต่ เดือนเมษายน – ธันวาคม ที่แฝดผู้พี่ตระกูลรติวัฒน์ ได้รับหน้าที่ดู 2 พี่น้องโควาฯ เห็นได้ชัดว่า พี่ต้น ได้เข้ามาช่วยเติมเต็ม ยกระดับเกมการเล่นของน้องทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันยังถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านการแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพทั้งในและนอกสนาม ในฐานะที่โลดแล่นอยู่ในเวทีระดับอาชีพมากกว่า 20 ปี ซึ่งการหาโค้ชดีๆสักคน ที่รู้ใจ ทำงานร่วมกันได้อย่างไหลลื่น และพยายามเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนักกีฬา ก็ไม่ต่างอะไรกับการมีคนรู้ใจดีๆสักคน ดั่งคำที่ว่า ได้คู่ครองดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

รวมไปถึงเทรนเนอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายของนักกีฬาอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดในการลงสนาม ซึ่ง อาลี อัลบิบี้ ฮาบ เทรนเนอร์ชาวสหราชอาณาจักร คือผู้ที่เข้ามาวางโปรแกรมทำร่างกายให้กับ 2 พี่น้องโควาฯ จนส่งผลต่อฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงในสนาม

“ตั้งแต่ที่พี่ต้นเข้ามา พัฒนาเกมหลายรูปแบบ ทั้งเทคนิค เรื่องเสิร์ฟ วอลเลย์ฯ ซึ่งก่อนหน้านี้สนิทกันเป็นการส่วนตัว ทำให้การทำงานเข้ากันได้ไปอย่างดี พอได้มาทำงานร่วมกันลึกๆ ได้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ ในเรื่องวินัย วิธีการคิดในการเล่น ซึ่งพี่ต้นเป็นแบบอย่างที่ดี ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพทั้งในและนอกสนาม พลภูมิ กล่าว”

“พี่ต้นได้เข้ามาแนะนำหลายๆเรื่อง ทั้งเทคนิคการตี สไตล์ฯ ซึ่งเขาเข้ามาช่วยเสริมในสิ่งที่หนูยังขาด ทำให้มีพัฒนาการการที่ดีขึ้น และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้หนูได้มากยิ่งขึ้น พัณณิน กล่าว”

“สำหรับผมมองว่าเทนนิสสมัยใหม่มันเรียกหาถึงความแน่นอน มากกว่าความรุนแรง ทำให้รูปแบบในการฝึกของผมจะเน้นไปที่ความต่อเนื่อง ความสม่ำเสมอ โดยเฉพาะความเข้มข้นในการฝึกซ้อมต้องสูง ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่จำนวนการตี หรือจำนวนชั่วโมง แต่รวมไปถึงการวางแผนจัดการเวลาพักให้เหมาะสมกับรูปแบบเกมมากที่สุด โดยสิ่งที่เราโฟกัสตอนนี้คือพยายามพัฒนาให้เขาเป็นนักเทนนิสที่ดี และเป็นนักเทนนิสให้มากที่สุด ซึ่งต้องพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจควบคู่กันไป “ต้น”สนฉัตร กล่าว”

#การทำงานหนักเพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่ายอมอดทนเหนื่อยวันนี้ เพื่อความสุขสบายในวันข้างหน้า สูตรสำเร็จในการดำเนินชีวิต ที่หยิบมาใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ซึ่ง 2 พี่น้อง โควาพิทักษ์เทศ ก็คงไม่ต่างกัน โดยทั้งคู่ต่างก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขมักเขม้น จนผลลัพธ์ออกเป็นที่น่าพอใจ

“ส่วนตัวผมสัมผัสกับ เน็ต พลภูมิ มาพอสมควร เพราะเคยร่วมเล่นทีมชาติด้วยกัน ในเดวิสคัพ, เอเชียนเกมส์ ซึ่งเราก็เห็นพัฒนาการของน้องมาโดยตลอด ส่วนผลงานในประเทศของเน็ตปีนี้ ต้องยอมรับว่าเขาทำได้ดีที่สุดในประเทศ จากการคว้าแชมป์ได้ 4 จาก 7 ทัวนาเมนต์ ชนะ 40 แพ้ไปแค่ 5 แมตช์ ซึ่งสถิติที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้

ขณะที่ผลงานของแน็ตในปีนี้ ส่วนตัวผมคิดว่าน้องทำได้ดีเลย สำหรับเด็กอายุ 17 ที่ยังเป็นเยาวชน แต่สามารถคว้าแชมป์เดี่ยวในรุ่นทั่วไปได้ ซึ่งถ้ามองในภาพรวมผลงานอาจไม่ดีเท่าพี่ชาย (“เน็ต” พลภูมิ) แต่ด้วยความที่น้องเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 17 โดยต้องต่อสู้กับรุ่นพี่ แล้วมีผลงานที่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ เราสามารถบอกได้เลยว่า น้องมีพัฒนาการที่ค่อนข้างดีเลยตั้งแต่ที่เราทำงานร่วมกันมา “ต้น” สนฉัตร กล่าว”

“ส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ชอบตั้งเป้าในระยะยาว ผมจะตั้งระยะสั้นก่อน และทำให้สำเร็จที่ละอย่าง ตอนนี้ตัวเลข แรงกิ้ง ก็โชว์อยู่ว่าผมยังไม่ได้เป็นที่ 1 เพราะฉนั้นเป้าหมายแรกของผมในตอนนี้คือการขึ้นไปเป็น มือ 1 ของประเทศ พลภูมิ กล่าว”

“เป็นครั้งแรกที่ได้แชมป์ รุ่นทั่วไป ทำให้หนูรู้สึกดี และภูมิใจกับตัวเองที่ตั้งใจและสามารถทำได้ ซึ่งส่วนสำคัญมาจากการทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมอย่างหนัก โดยเป้าหมายของหนูในปีนี้ หากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ หนูตั้งใจว่าอยากเข้าร่วมแข่งขันใน จูเนียร์ แกรนด์ สแลม ให้ได้ทั้ง 4 รายการ รวมถึงวางแผนกับทีมงานในการหาโอกาสลงแข่งขันทัวนาเมนต์ระดับอาชีพ พัณณิน กล่าว”

ความสำเร็จของ 2 พี่น้องนักหวดตระกูลโควาพิทักษ์เทศ ที่เกิดขึ้นในปี 2020 เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งทั้งคู่ยังคงต้องใช้เวลา ควบคู่ไปกับการทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

LTAT