“พิชญาภัค ศรีมุกข์”
แค่ใจสู้ทุกความฝันเป็นจริงเสมอ
คอลัมน์ : เปิดตัวทีมชาติ 2564
“พิชญาภัค ศรีมุกข์”
แค่ใจสู้ทุกความฝันเป็นจริงเสมอ
“หนูชอบเล่นเทนนิสค่ะ เพราะว่าเป็นกีฬาที่หนูได้ปล่อยพลังของตัวเองได้เต็มที่ ได้ต่อสู้ได้แข่งขัน มันส์ดีค่ะ”
ด.ญ.พิชญาภัค ศรีมุกข์ หรือ ออมสิน นักเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ประจำปี 2564 ถือเป็นนักเทนนิสเยาวชนไทยเลือดใหม่อีกคนหนึ่งที่ถูกจับตามองว่า สามารถพัฒนาความสามารถไปสู่การเป็นนักเทนนิสอาชีพในอนาคตได้ไม่ยาก
แม้จะมีรูปร่างที่ดูจะผอมบางอยู่บ้าง แต่ช่วงขาที่เรียวยาว บวกกับกำลังแขนที่แข็งแกร่ง และการถนัดตีมือซ้าย ทำให้ ออมสิน พัฒนาการเล่นเทนนิสของตัวเองจากแค่เล่นเป็นกีฬาเพื่ออกกำลังกายตามต่างจังหวัด สู่การเป็นนักเทนนิสระดับแชมป์เยาวชนระดับประเทศได้ภายในเวลาไม่กี่ปี
ออมสิน เกิดวันที่ 20 กันยายน 2552 ปัจจุบันอายุ11 ปี 7 เดือน เป็นลูกโทนของคุณพ่อ เอนก กับคุณแม่ ณฐมน ศรีมุกข์ เกิดที่รพ. สงขลานครินทร์ จ.สงขลา ในขณะที่คุณพ่อรับราชการอยู่ที่จ.พัทลุง ได้เล่นเทนนิสเป็นกีฬาเพื่อออกกำลังกาย ก่อนจะย้ายมาที่ จ.ภูเก็ตซึ่งเป็นจังหวัดที่ทำให้ ออมสิน ได้ก้าวเข้ามาเล่นเทนนิสตามคุณพ่อเป็นครั้งแรก
“ตอนเด็กๆออมสินเป็นเด็กที่ซนมาก ไม่ค่อยอยู่นิ่ง และในช่วงที่ย้ายมาอยู่ภูเก็ตตอนเรียนอนุบาลที่ ร.ร.ขจรเกียรติศึกษา จ.ภูเก็ตที่โรงเรียนมีสอนว่ายน้ำ เป็นกีฬาแรกของเขาและก็ทำได้ดี เคยลงแข่งว่ายน้ำของโรงเรียนตอนอยู่อนุบาล3 แต่ที่แม่ให้มาลองเปลี่ยนเล่นเทนนิสก็เพราะว่า ภาคใต้ฝนตกบ่อยและน้ำจะเย็นซึ่งเขาไม่ชอบ และแม่ก็กลัวจะไม่สบาย ที่โรงเรียนมีสนามเทนนิสก็เลยให้ลองมาเล่นดู”
ออมสิน เริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่อยู่ชั้นอนุบาล 2 แต่ยังไม่จริงจังมาก เพราะคุณพ่ออยากให้เล่นเป็นกิจกรรมกีฬาอย่างหนึ่งเพื่อออกกำลังกายควบคู่ไปกับการว่ายน้ำ
แม้ครั้งแรกที่ไปสนามเทนนิสจะร้องไห้ กลัวบอล แต่พอได้ลงไปจับบอล และ แร็กเกตดูเท่านั้นแหละ เด็กหญิงตัวเล็กรูปร่างผอมเก้งก้างก็ชักติดใจ และใครจะคิดว่า เด็กหญิงที่ร้องไห้กลัวลูกเทนนิสในวันนั้น จะสามารถพัฒนาฝีมือก้าวมาสู่การเป็นนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติในวันนี้
“เริ่มเล่นเทนนิสจากการสอนของ ครูไก่-อนุชา อยู่พันธ์ุ ที่มีวิธีการสอนให้เด็กสนุก เพราะครูไก่จะเน้นให้เด็กชอบที่จะเล่นก่อนที่จะค่อยๆสอนเทคนิคต่างๆลงไป ทำให้ ออมสิน ชอบและสนุกทุกครั้งที่ไปเล่นเทนนิส” จากการเล่นเพื่อความสนุก ออมสิน มีโอกาสได้ลงสู่สนามแข่งขันเพื่อทดสอบความสามารถของตัวเองครั้งแรกเป็นรายการเยาวชนที่จัดขึ้นในจ.ภูเก็ต
“ตอนนั้นออมสินอายุ 7 ขวบเศษๆก็ได้ลองไปลงแข่งดูทั้งๆที่ไม่รู้กติกาอะไรเลย แข่งยังไง นับแต้มยังไงก็ไม่รู้ ก็อยากให้เขาได้ลองดู แมตช์แรกก็แพ้ 0-4 และ 0-4 แข่งจบแล้วตัวเองยังไม่รู้เลยว่าแพ้ หันมามองแม่แล้วยังงงว่า จบแล้วเหรอ”
ความที่ชอบและสนุกกับการเล่นเทนนิส ออมสิน มีโอกาสลงแข่งขันรายการที่สองในชีวิตก็แพ้อีก แต่การแพ้ในครั้งนี้ กลับได้กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ให้พ่อและแม่เริ่มหันมาสนับสนุน และ ส่งเสริมให้ลูกสาวคนเดียวนี้ได้เล่นกีฬาเพื่อการแข่งขันมากขึ้น
“พอแพ้ในรายการนั้น เขาก็ไม่ร้องไห้ไม่มีผิดหวังอะไรเลยแม่ก็ถามว่าไม่เสียใจเหรอ เขาก็บอกว่า ไม่เสียใจ เพราะกีฬามีแพ้มีชนะเป็นเรื่องปกติ และเขาก็สนุกกับการลงแข่งขันด้วย”
ในช่วง 8 ขวบเต็ม แม่ ได้เริ่มพา ออมสิน เดินทางไปแข่งขันเทนนิสที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งรายการแรกแข่งขันรายการ “ธรรมศาสตร์ แชมเปี้ยนชิพ” แม้จะเป็นรายการที่ได้ออกท่องยุทธภพข้ามเขตภาคใต้เป็นครั้งแรก แต่ ออมสิน ก็ได้มาประกาศศักดาแสดงพลังฝีมือของตัวเองได้ดี ด้วยการ “คว้าแชมป์” มาครองได้สำเร็จ
เป็นแชมป์แรกในชีวิต…
แชมป์รายการนี้เป็นเหมือน “พลัง” ที่สร้างความฮึกเหิมให้ทั้ง ออมสิน อย่างมาก หลังจากที่คุณพ่อย้ายมารับราชการที่จ.เพชรบุรี ออมสิน ก็มีโอกาสได้เจอกับครูไอซ์ที่มาสอนเทนนิสและแนะนำเทคนิคใหม่ๆให้มากขึ้น
ออมสิน เด็กนักเทนนิสจากภาคใต้มีโอกาสได้ไปแข่งขันเทนนิสพัฒนาฝีมือฯ ที่จ.เชียงใหม่ และก็ไปคว้าแชมป์ได้สำเร็จ มีโอกาสได้เจอกับ “โค้ชเทน” ธารา ตัณฑสุวรรณเลิศ ที่ชมว่า ออมสิน ตีเทนนิสได้ดีอย่าเลิกเล่นนะให้พัฒนาฝีมือขึ้นไปอีก แต่น้องตัวเล็กผอมบางไปหน่อยอยากให้อ้วนกว่านี้จะได้เสริมความแข็งแกร่งให้ตีเทนนิสได้ดีขึ้น
กอรปกับการที่ ออมสิน ได้ดูเกมการแข่งขันเทนนิสเอเชียนเกมส์ ที่อินโดนีเซีย นัดชิงชนะเลิศ คู่ผสม ซึ่ง ลักษิกา คำขำ จับคู่กับ สรรค์ชัย รติวัฒน์ ลงชิงชนะเลิศกับนักเทนนิสอินโดนีเซีย
ถือเป็นแมตช์ที่ ออมสิน ประทับใจและชอบมากจนมาบอกพ่อกับแม่ว่า อยากจะไปแข่งอย่างพี่เขาต้องทำอย่างไร ซึ่งคุณพ่อเอนกก็ได้แต่บอกลูกสาวตัวน้อยว่า…
“ถ้าอยากเก่งอย่างพี่เขาก็ต้องทำด้วยตัวเอง ขนันซ้อมและพัฒนาฝีมือตัวเองให้มากขึ้น”
จากนั้น ออมสิน ก็เริ่มมีความมุ่งมั่น ขยันฝึกซ้อมจนก้าวมาติดอันดับ 5 ของประเทศไทยในกลุ่มนักเทนนิสเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ด้วยวัยเพียงแค่ 10 ขวบ 3 เดือนเท่านั้น
กระทั่งก้าวมาสู่การคัดตัวเยาวชนทีมชาติครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ผลงานดีสุดคือเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ก่อนจะมาพิสูจน์ความสามารถของตัวเองอีกครั้งในปีนี้… และความฝันการเป็นทีมชาติของ ออมสิน ก็เป็นจริง!!!
“ดีใจมากค่ะ ตอนแรกที่ลงแข่งหนูก็คิดว่าขอให้เข้ารอบ 4 คนสุดท้ายได้ก็พอ เพราะหนูอยากถ่ายรูปกับพี่หมิว สลักทิพย์ อุ่นเมือง แต่การคว้าอันดับที่ 3 ถือว่าดีเกินความคาดหมายมาก” ปัจจุบัน ออมสิน ได้เข้าไปเป็นนักเทนนิสในการดูแลของ “สแมท อิท เทนนิส อะคาเดมี่” ที่มีทีมสตาฟฟ์โค้ชดูแลหลายคน รวมถึงมีเทรนเนอร์ดูแลร่างกาย จิตวิทยาให้ ก็ยิ่งกระตุ้นให้กล้าที่จะฝันไปสู่การเป็นนักเทนนิสอาชีพมากขึ้น
“แม่เห็นลูกมีความมุ่งมั่น มีความสนุกกับการซ้อมเทนนิส สนุกทุกครั้งที่ได้ลงแข่งแม้ว่าจะเป็นผู้แพ้ออกมาก็ตาม แม่ก็อยากสนับสนุนลูกไปให้สุดๆ เล่นเทนนิสก็เล่นให้ได้เต็มที่และดีไปเลย และคุณพ่อก็พร้อมให้การสนับสนุนเช่นกัน เราก็เลยตัดสินใจให้ลูกเข้าไปอยู่ในความดูแลของ สแมท อิทฯ ซึ่งเขาก็ชอบเพราะมี พี่แพ็ตตี้ พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช เป็นไอดอล และเป็นแบบอย่างให้เขามุ่งมั่นขยันซ้อม เพราะเป็นนักเทนนิสที่มีรูปร่างสูง ขายาว ตีมือซ้ายเหมือนกัน และตอนนี้พี่แพ็ตตี้ติดทีมชาติชุดใหญ่แล้วเขาก็อยากเป็นเหมือนพี่แพ็ตตี้บ้าง”
ขณะที่ ออมสิน ก็รู้ดีว่าเส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล และต้องใช้ความมานะพยายามอย่างมากกว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนพี่ๆ แต่เธอก็พร้อมสู้ไม่ถอย
“เทนนิสทำให้หนูมีความอดทน ทำให้เป็นนักสู้ แม้จะยังมีอะไรให้ต้องพัฒนาอีกเยอะ แต่หนูก็พร้อมที่จะเจอกับการฝึกซ้อมที่หนัก หนูจะสู้ทุกลูก และหนูจะไปเป็นนักเทนนิสอาชีพให้ได้”
นั่นคือคำมั่นอันหนักแน่นของเด็กหญิงรูปร่างผอมบางแต่มีแววตาแห่งความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะก้าวไปสานฝันของตัวเองให้เป็นจริงกับการเล่นกีฬาเทนนิส ซึ่งหนทางข้างหน้าอาจจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หนูน้อยคนนี้ก็ยังเชื่อว่า …
แค่ใช้ความกล้า อดทน และ พร้อมสู้ทุกสถานการณ์ ทำให้เต็มที่ในทุกแมตช์ นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จสมดังหวังได้ในสักวัน…