“น้องบัว” กมลวรรณ ยอดเพ็ชรนักหวดยอดกตัญญูจากเมืองกรุงเก่า
มองเห็นพ่อแม่ลำบาก ใครเล่าจะทนได้… “หนูเห็นพ่อกับแม่ทำงานหนักมาก จึงบอกกับตัวเองเสมอว่า เราต้องช่วยแบ่งเบาภาระ และอีกสิ่งที่หนูตั้งใจทำให้ได้คือ ทำหน้าที่นักเทนนิสของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนพ่อกับแม่ที่หวังเอาไว้”
นี่คือความคิดของเด็กวัย 13 ปี ด.ญ.กมลวรรณ ยอดเพ็ชร หรือ “น้องบัว” จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีดีกรีเป็นถึง นักเทนนิสเยาวชนหญิงทีมชาติไทย 4 สมัยติดต่อกัน ซึ่งติดทีมชาติ รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี 2 สมัย (2561-2562) ต่อมาขยับขึ้นมาติดทีมชาติ รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี อีก 2 สมัย (2563-2564)
เด็กที่มีความคิดน่าชื่นชมคนนี้ เป็นลูกสาวสุดที่รักของ “คุณพ่อยุ้ย” สไม สวยรูป และคุณแม่มลิวัลย์ ยอดเพ็ชร มีพี่ชาย 2 คนคือ กฤษณพงษ์ ยอดเพ็ชร และ ธนากร ยอดเพ็ชร โดยปัจจุบัน ด.ญ.กมลวรรณ ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เส้นทางการเล่นกีฬาลูกสักหลาดของ “น้องบัว” เริ่มตอนอายุ 5 ขวบ โดยมี คุณพ่อยุ้ย เป็นโค้ชคนแรก ซึ่งอยากให้ลูกสาวเป็นนักเทนนิส หลังจากได้เห็น ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสอาชีพชายชาวสเปน ลงแข่งในรายการชิงเงินรางวัลรวมกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งคุณพ่อยุ้ยมองว่ามันสูงมาก สอดคล้องกับความต้องการของ คุณแม่มลิวัลย์ ที่มีภาพฝันในวัยเยาว์ของตัวเองอยากเป็นนักเทนนิสเช่นกัน ทั้งคู่จึงนำเอาเรื่องราว ณ ตอนนั้น มาร่วมกันจุดประกายให้ “น้องบัว” ช่วยสานต่อ
คุณแม่มลิวัลย์ ย้อนอดีตให้ฟังว่า “ปีที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ (2554) สามีทำงานในโรงงานและติดอยู่ในนั้น ไปไหนมาไหนไม่ได้ ก็ได้แต่นั่งดูทีวี เผอิญไปเห็นข่าวกีฬา ตอนนั้นมีแข่งเทนนิส ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักกีฬาเทนนิสเป็นครั้งแรก และเพิ่งรู้ว่าเล่นเทนนิสแล้วได้เงินรางวัล เขาบอกว่าเงินรางวัลสูงมาก เขาทำงาน 10 ปี ยังได้เงินไม่เท่ากับเทนนิสรายการนั้นเลย
ส่วนแม่ สมัยก่อนอยากเล่นเทนนิส แต่ครอบครัวไม่สนับสนุน ก็เลยได้เล่นแต่ตะกร้อกับฟุตบอล ตอนสาวๆ เห็น แทมมี่ (แทมมารีน ธนสุกาญจน์) ดังมาก ชื่นชมเขาตลอดว่าเก่งจังเลย เป็นนักกีฬาที่เท่มาก พ่อกับแม่เลยเก็บเอาเรื่องราวต่างๆ นี้มาคุยกัน จนมีความฝันร่วมกันว่าอยากให้ลูกๆ เป็นนักเทนนิสบ้าง ตอนแรกเริ่มที่ลูกชายก่อน แต่เขาไม่ชอบ กระทั่งมาลงเอยที่ลูกสาว”
คุณแม่ของ “น้องบัว” เล่าต่ออีกว่า พ่อยุ้ยเริ่มจากที่ไม่รู้จักกีฬาเทนนิสเลย พาลูกไปลองผิดลองถูกมาตลอด ครอบครัวเราพยายามช่วยกันสร้างน้องบัว ลูกชายก็ช่วย ซึ่งพี่คนรอง ธนากร ยอดเพ็ชร นอกจากเป็นน็อกเกอร์ให้น้องแล้ว ยังตัดสินใจไปเรียนด้านกายภาพ (สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะกายภาพบำบัดและเวชศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยรังสิต) เพื่อนำความรู้มาช่วยดูแลน้องด้วย จากที่ครอบครัวเราเริ่มคือศูนย์ เหนื่อยมากทั้งภาระครอบครัว และการพยายามผลักดันให้ลูกเป็นนักเทนนิส เลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะมีวันนี้ ซึ่งน้องบัวได้ติดทีมชาติหลายสมัย มันทำให้ครอบครัวเราภูมิใจมากๆ
จากการติดทีมชาติที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน “น้องบัว” เป็นนักเทนนิสเยาวชนในโครงการ “แอลทีเอที อะคาเดมี่” ของสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่มี PTT หรือ ปตท. เป็นผู้ให้การสนับสนุนโครงการ จึงทำให้ “น้องบัว” ได้รับการฝึกสอนจากบรรดาโค้ชของ แอลทีเอที อะคาเดมี่ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์จาก จาลาล ฟาไท โค้ชชาวอิหร่าน อีกด้วย
โค้ชชาวอิหร่าน อีกด้วย “ตอนแข่งคัดทีมชาติ แรกๆ บัวก็เกร็งนะคะ แต่พยายามบอกกับตัวเองว่านี่ก็เหมือนแมทช์ทั่วๆ ไปที่เราเคยแข่ง จะได้เล่นแบบไม่กดดันตัวเอง ดีใจมากค่ะที่ติดทีมชาติอีกสมัย ทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจ ความสำเร็จเกิดขึ้นได้เพราะมีพ่อกับแม่และพี่ชายคอยสนับสนุนค่ะ” น้องบัวเผยถึงความรู้สึก
อย่างที่เกริ่นไว้ช่วงแรกเลยว่า ด้วยความที่เห็นพ่อกับแม่ทำงานหนักมาก จึงอยากช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อกับแม่บ้าง ฉะนั้น เมื่อมีโอกาส “น้องบัว” จะไปช่วยคุณพ่อยุ้ยทำงาน ตั้งแต่เป็นลูกมือล้างเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ ช่วยขนน้ำดื่มขึ้นรถและนำไปส่งลูกค้า ช่วยยกพลาสติกไปที่โรงงานพลาสติก ขนไม้ รวมทั้งช่วยคุณแม่มลิวัลย์ ด้วยการเป็นลูกมือทำอาหารขายหารายได้เข้าครอบครัว และช่วยทำงานบ้านต่างๆ อาทิ ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน เป็นต้น
“ตอนช่วยพ่อทำงาน เช่น ยกน้ำเป็นแพ็คๆ บัวก็คิดว่านี่เป็นการออกกำลังกายแบบหนึ่ง นอกจากได้ช่วยงานครอบครัวแล้ว ยังฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายด้วยค่ะ หนูเคยขี้เกียจไม่อยากไปซ้อม แต่พอไปแข่งแล้ว ผลงานออกมาไม่ดีเลยค่ะ มันเป็นบทเรียนที่สอนให้หนูรู้ว่า หนูต้องขยันและตั้งใจฝึกซ้อมให้มากกว่านี้” น้องบัว เล่าให้ฟัง
นักเทนนิสวัย 13 ปี รายนี้ มีฉายาว่า “น้องบัวทอร์นาโดกรุงเก่า” โดย คุณเลิศพรไชย ไชยฤทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นผู้ตั้งฉายาให้ หลังจากได้เห็นลีลาการเล่นเทนนิสของเจ้าตัวมาหลายรายการ สำหรับ คุณเลิศพรไชย และภริยาคือ คุณกาญจนา ไชยฤทธิ์ นั้น เป็นผู้ที่ชื่นชอบกีฬาเทนนิสและติดตามให้กำลังใจนักเทนนิสเยาวชนมานาน รวมถึง “น้องบัว” ด้วย
ในส่วนผลการแข่งขันที่ผ่านมานั้น ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกรายการ แน่นอนว่ากีฬาย่อมมีแพ้มีชนะ และผลการแข่งขันของ “น้องบัว” ก็เช่นกัน เจ้าตัวเคยเสียน้ำตามาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง กว่าจะมีผลงานการันตีฝีมือ โดยผลงานที่โดดเด่น อาทิ การนำทีมหญิงไทยคว้ารางวัลชนะเลิศ รุ่น 12 ปี เทนนิสรายการ “เซาท์ อีสต์ เอเชีย รีเจียนัล ควอลิฟายอิ้ง โซน : ไอทีเอฟ เอเชียน อันเดอร์ ทเวลฟ์ ทีม คอมเพทติชั่น 2018” ที่ประเทศกัมพูชา, รางวัลชนะเลิศ หญิงเดี่ยว รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี เทนนิสเยาวชนเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 57 ประจำปี 2562 และรางวัลชนะเลิศ หญิงเดี่ยวกับหญิงคู่ เทนนิสเยาวชนเก็บคะแนนสะสมเอเชีย “พีทีที เอเชียน โฟร์ทีน แอนด์ อันเดอร์ 2019”
นอกจากนี้ ยังเล่นกีฬา “ซอฟท์เทนนิส” จนได้รางวัลชนะเลิศ ในการแข่งขันคัดเลือกเยาวชนทีมชาติไทย ประเภทหญิงเดี่ยว รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ในปี 2562 และได้เป็นตัวแทนเยาวชนทีมชาติไทยของซอฟท์เทนนิสไปเข้าร่วมการแข่งขันซอฟท์เทนนิสเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์
นักเทนนิสเยาวชนคนนี้ มักแจกจ่ายรอยยิ้มให้คนรอบข้างอยู่เสมอ ทำให้ได้รับความเอ็นดูจากผู้พบเห็นอยู่เป็นประจำ และทุกครั้งที่ถามถึงไอดอล น้องจะตอบว่า “โรเจอร์ เฟเดอเรอร์” ซึ่งเป็นนักเทนนิสอาชีพชายชาวสวิส อายุ 39 ปี ที่เคยรั้งมือ 1 ของโลก และปัจจุบันยังอยู่ในท็อป 10 ของโลก
“พ่อกับแม่อยากให้หนูตั้งใจเล่นเทนนิสให้ดี หนูก็ตั้งใจทำให้ได้ในแต่ละรายการค่ะ พ่อกับแม่มีความฝันอยากให้หนูเป็นนักเทนนิสระดับโลก หนูก็ตั้งใจจะทำให้ได้ อยากเป็นลูกที่ดีให้พ่อกับแม่ภูมิใจค่ะ ค่อยๆ ไต่ไปทีละขั้นจากทีมชาติชุดเยาวชนไปสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในอนาคต นอกจากนี้หนูฝันอยากไปแข่ง จูเนียร์ แกรนดสแลม และต่อยอดไปเล่นเทนนิสอาชีพระดับโลกให้ได้ด้วยค่ะ
บัวอยากทำให้ได้เหมือน โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เขามีความสามารถมากเลยค่ะ ถึงเขาจะอายุเยอะแต่ก็สามารถแสดงฝีมือให้แฟนกีฬาทั่วโลกได้เห็นว่าอายุเยอะไม่ใช่อุปสรรค เพราะ เฟเดอเรอร์ ยังเล่นได้อยู่เลย” นักเทนนิสสาวน้อยจากเมืองมรดกโลก กล่าวถึงเป้าหมายของตัวเอง
แน่นอนว่าภาพความฝันเรื่องเทนนิสของ “น้องบัว” ย่อมสอดคล้องกับความฝันของพ่อกับแม่ แต่ความจริงแล้ว พ่อกับแม่ได้สอดแทรกเป้าหมายไว้อีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือขัดเกลาให้ลูกสาวเติบโตเป็นคนดี มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้จักหน้าที่ของตัวเอง เป็นที่รักของคนรอบข้าง และสิ่งสำคัญ พ่อกับแม่มองว่า กีฬาจะทำให้ลูกสาวของเขามีหน้าที่การงานที่ดีในอนาคต
“พ่อกับแม่ตื่นเต้นทุกรอบของการแข่งขัน เราอยากให้น้องบัวก้าวไปได้ไกลที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้” แม่มลิวัลย์ เอ่ยออกมา …..
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ของครอบครัว “ยอดเพ็ชร” กว่าจะมาถึงวันนี้ สะท้อนให้เห็นว่า บนถนนกีฬาลูกสักหลาดของพวกเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ หากมีความพยายามอยู่เป็นนิจ และสิ่งสำคัญคือการใช้ความรักในครอบครัวและความเอ็นดูจากคนรอบข้าง เป็นเครื่องมือในการเจียระไนให้ “น้องบัว” กมลวรรณ ยอดเพ็ชร กลายเป็นอัญมณี ในฐานะนักเทนนิสเยาวชนหญิงทีมชาติไทยถึง 4 สมัยติดต่อกัน
แต่อัญมณีคงไม่ล้ำค่า ถ้าขาด “ความกตัญญู” ของ “น้องบัว” มาช่วยเปล่งประกายความงดงาม ผ่านความพยายามในการสร้างสรรค์ผลงานจากการแข่งขันรายการต่างๆ