“ปังปอนด์” รชตะ ธรรมเจริญสถิต
ใช้กลยุทธ์จากกีฬา “เทนนิส”
ก้าวสู่ความสำเร็จทั้งในและนอกคอร์ต
คอลัมน์ : เปิดตัวทีมชาติ 2564
“ปังปอนด์” รชตะ ธรรมเจริญสถิต
ใช้กลยุทธ์จากกีฬา “เทนนิส”
ก้าวสู่ความสำเร็จทั้งในและนอกคอร์ต
ในการแข่งขันเทนนิสระดับเยาวชน ชื่อของ รชตะ ธรรมเจริญสถิต หรือ “ปังปอนด์” มักถูกยกให้เป็นตัวเต็งในการแข่งขันเรื่อยมา รวมถึงในการคัดตัวนักกีฬาเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ครั้งล่าสุด ซึ่ง “ปังปอนด์” ได้ตอกย้ำฝีมือให้เห็น ด้วยการมีชื่อเป็น 1 ใน 3 ตัวแทนเยาวชนทีมชาติไทย สมัยที่ 4 ติดต่อกัน พร้อมกับก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักหวดที่ดีที่สุดของรุ่น ณ เวลานี้
“ปังปอนด์” เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2548 เป็นชาวกรุงเทพมหานคร เป็นลูกโทนของ คุณพ่อสถาพร ธรรมเจริญสถิต และคุณแม่วรนันท์ โสดานิล ปัจจุบันอายุ 16 ปี ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 3 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา
ย้อนไปในวัย 4 ขวบ “ปังปอนด์” ได้เริ่มรู้จักเทนนิสเป็นครั้งแรก หลังได้ลองเล่นกับคุณพ่อแล้วรู้สึกชอบ จนได้โอกาสประเดิมแข่งครั้งแรกตอน 7 ขวบ ก่อนจะติดใจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งจากที่เล่นเทนนิสเพื่อสุขภาพ ทำให้หันมาฝึกฝนอย่างจริงจังมากขึ้น โดยปัจจุบันเป็นลูกศิษย์ในคาถาของ “โค้ชเอ็กซ์” พชรพล คำสมาน อดีตนักเทนนิสทีมชาติไทย และโค้ชเทนนิสที่สอบผ่านการอบรมโค้ชระดับสูงสุดของสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ หรือ ไอทีเอฟ
หลังจากตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินสายนักกีฬา “ปังปอนด์” เริ่มฉายแววเด่น โดยเฉพาะการมีชื่อเป็นขาประจำในการคัดตัวเยาวชนทีมชาติและก็ทำสำเร็จ ติดทีมชาติครั้งแรกในรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี จากนั้น ติดทีมชาติ รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี อีก 2 ครั้ง และล่าสุด ติดทีมชาติ รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ในปีนี้
ส่วนผลงานจากการแข่งขันต่างๆ มีดังนี้ ชนะเลิศรายการ ไอทีเอฟ เอเชีย จูเนียร์ เทนนิส ยู-12 รายการ “เซาท์ อีสต์ เอเชีย รีเจียนัล ควอลิฟายอิ้ง อีเวนท์ : ไอทีเอฟ เอเชีย อันเดอร์ ทเวลฟ์ ทีม คอมเพทติชั่น 2017” ที่ประเทศไทย, ได้อันดับ 3 รายการ ไอทีเอฟ เอเชีย จูเนียร์ เทนนิส ปี 2017 รอบชิงชนะเลิศ ที่ประเทศคาซัคสถาน และในขณะที่ “ปังปอนด์” อายุได้ 13 ปี ยังได้ฉายแววความเก่งกาจด้วยการรวบแชมป์ ทั้งประเภทเดี่ยวและคู่ ในรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ศึกเทนนิสเยาวชนเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน ครั้งที่ 56 ประจำปี 2561 ก่อนที่ต่อมาเขาได้ร่วมทีมไทย ไปคว้าอันดับ 3 ศึกไอทีเอฟ เวิลด์ จูเนียร์ เทนนิส 2019 เอเชีย แอนด์ โอเชียเนีย ควอลิฟายอิ้ง ที่ประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ “ปังปอนด์” ยังได้เป็นตัวแทนจากประเทศไทยไปร่วมโครงการ “ไอทีเอฟ เอเชียน โฟร์ทีน แอนด์ อันเดอร์ จีเอสดีเอฟ ทีม ทู ยูโรป 2019” ซึ่งได้ลงแข่งขันคอร์ตดิน ในการแข่งขันเทนนิส ยุโรป จูเนียร์ ทัวร์ หลายรายการ อีกทั้งยังได้ร่วมทีมเยาวชนไทย คว้าอันดับ 13 ของโลก ในรายการ ไอทีเอฟ เวิลด์ จูเนียร์ เทนนิส 2019 ไฟนอล ณ สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งนับเป็นอันดับ 2 ของทีมจากเอเชีย และ “ปังปอนด์” ยังได้แสดงฝีมือด้วยการไปคว้ารางวัลชนะเลิศ ประเภทชายเดี่ยว จากการแข่งขันเทนนิสเยาวชน รายการ ออสเตรเลียน โอเพ่น 2020 โฟร์ทีน แอนด์ อันเดอร์ อีลีท โทรฟี่ ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
“ปังปอนด์” ซึ่งเล่นเทนนิสสไตล์ “ออล คอร์ต” (All Court)มีความชื่นชอบ “โรเจอร์ เฟเดอเรอร์” ยอดนักหวดชาวสวิส และยกให้เป็นต้นแบบ โดยเฉพาะในเรื่องของการเป็นผู้เล่นที่มีน้ำใจนักกีฬาอันดับต้นๆ ของวงการเทนนิสโลก รวมถึงสามารถจัดการเรื่องงานกับชีวิตส่วนตัวได้อย่างลงตัว ซึ่งในส่วนหลังนี้ “ปังปอนด์” ได้นำมาปรับใช้กับแนวทางของตัวเองในเรื่องการจัดสรรเวลาเรียน และเล่นกีฬาได้เป็นอย่างดี จนเป็นที่มาของประโยคที่ว่า “การเรียนคือชีวิต เทนนิสคือหัวใจ” ของเขา และทำให้ชื่อของ “ปังปอนด์” ติดลมบนในทำเนียบนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทยมาได้ถึง 4 สมัยติดต่อกัน
“พอยิ่งโตขึ้น ทั้งในเรื่องการเรียนและกีฬา มันหนักขึ้นทั้งสองอย่าง แต่ด้วยความที่เราทำความเข้าใจกันมาแต่ตั้งแรกเริ่ม จึงไม่เป็นอุปสรรค ซึ่งที่ผ่านมาเขาทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อประคองทั้ง 2 ด้านให้ไปได้ดีทั้งคู่” คุณพ่อสถาพร เผย….
ขณะที่ในการคัดทีมชาติครั้งล่าสุด แม้ว่า “ปังปอนด์” จะมีประสบการณ์จากการคัดทีมชาติมาแล้วถึง 3 ครั้ง ซึ่งอาจทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ในการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ แต่เด็กหนุ่มรายนี้ ก็มิอาจคิดหลงระเริง กับความสำเร็จในวันวาน กลับกันยังก้มหน้าก้มตา ทำหน้าที่ของตัวเองเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่จะบันทึกชื่อเอาไว้ในทำเนียบนักหวดเยาวชนทีมชาติไทยปีสุดท้ายของตัวเอง
“การเตรียมตัวคัดทีมชาติครั้งนี้ ผมเตรียมความพร้อมมาเต็มที่ตลอดทั้งปี และมาลงรายละเอียดลึกในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย สำหรับผม ในการคัดทีมชาติแต่ละครั้ง มันมีความยากทุกครั้ง อย่างในรอบนี้ก็เหมือนกัน พอโตขึ้น เกมก็เปลี่ยนไป ทุกคนก็พัฒนาขึ้น เราเองก็ต้องพัฒนาตัวเองด้วย ขณะเดียวกันก็รู้สึกประทับใจตัวเองที่มีสมาธิในการแข่ง ไม่วอกแวก มีระเบียบวินัยในการจัดการ จนทำผลงานออกมาได้ค่อนข้างดี” รชตะ เปิดใจ
อย่างไรก็ดี ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบ เพรียบพร้อมไปทุกอย่าง เช่นเดียวกับ “ปังปอนด์” ที่ยอมรับว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการคัดตัวทีมชาติครั้งที่ผ่านมาคือ การดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด ในสถานการณ์ที่นักกีฬาทุกคนต่างมีความคาดหวัง
“สิ่งที่ยากที่สุดคือการดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้มันดีที่สุด ซึ่งผมชอบทำสมาธิ โดยจะใช้ช่วงเวลาก่อนนอนทุกคืนในการนั่งสมาธิ รวมถึงถ้ามีเวลาและจังหวะดีๆ ก็จะนั่งก่อนแข่งบ้าง ซึ่งมันช่วยในเรื่องต่างๆ ไม่ใช่เพียงแต่เทนนิส” นักหวดหนุ่มวัย 16 ปี กล่าว
นอกจากนี้ “ปังปอนด์” ยังบอกถึงข้อดีของการเล่นเทนนิสด้วยว่า “นอกจากจะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว สิ่งสำคัญคือเทนนิสสอนเรื่อง ระเบียบวินัย ให้รู้จักคิด รู้จักวางแผน ไม่เพียงแต่ในสนามแข่งขัน แต่รวมไปถึงการดำเนินชีวิตประจำวันด้วย”
สิ่งที่ได้จากการฝึกฝนกีฬาเทนนิส “ปังปอนด์” ยังได้นำไปปรับใช้กับเรื่องการเรียนในหลายๆ ด้านด้วย ทำให้ผลการเรียนที่ออกมาแต่ละเทอม ส่งผลให้คุณพ่อสถาพร และคุณแม่วรนันท์ หัวใจพองโตเลยทีเดียว โดยก่อนหน้านี้ ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา “ปังปอนด์” มีผลการเรียนเฉลี่ย 3.98 ทั้งสองเทอม
รอยยิ้มบนความสุขที่ “ปังปอนด์” มอบให้กับ คุณพ่อสถาพร และคุณแม่วรนันท์ ได้ชื่นใจนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ยังมาจากรางวัลต่างๆ อาทิ การได้รับเกียรติบัตรการเรียนดีเด่นและความประพฤติดี จากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ทุกปีตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ถึงปัจจุบัน, ได้รับรางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2563 และได้รับรางวัลเยาวชนดีเด่นกรุงเทพมหานคร (ประกายเพชร ) ครั้งที่ 15 ประจำปี 2563 ด้วย
“ปังปอนด์” นับเป็นอีก 1 ตัวอย่างของนักกีฬาเยาวชนที่มีการจัดสรรเวลาชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและลงตัว จนประสบความสำเร็จได้ในขั้นต้น ซึ่งเป้าหมายขั้นแรก คือการทำผลงานให้ดีที่สุดในการรับใช้ทีมชาติรุ่นเยาวชนปีสุดท้าย ส่วนเป้าหมายใหญ่ที่รออยู่ คือการเทิร์นโปรเป็นนักเทนนิสอาชีพ ลงแข่งขันในระดับแกรนด์สแลม
