“นวธรณ์ ผลากรกุล” จากมือ 9 ของประเทศสู่แชมป์คัดตัวทีมชาติเยาวชนรุ่นอายุ 12 ปี

Written by LTAT Admin

“นวธรณ์ ผลากรกุล” จากมือ 9 ของประเทศสู่แชมป์คัดตัวทีมชาติเยาวชนรุ่นอายุ 12 ปี

ด.ช.นวธรณ์ ผลากรกุล หรือ นะโม นักหวดจากมือ 9 ของประเทศไทย ก้าวขึ้นมาสู่การเป็นแชมป์เยาวชนชาย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ในการแข่งขันเทนนิสคัดเลือกตัวแทนทีมชาติ ประจำปี 2568 จากการเอาชนะ ลีโอ โกวิทวัฒนชัย นักหวดเยาวชนจากชลบุรี ในนัดชิงชนะเลิศ 2 เซตรวด ด้วยสกอร์ 7-5 และ 6-2 นับเป็นชัยชนะที่สร้างความภาคภูมิใจให้ นวธรณ์ อย่างมาก ด้วยความที่รู้ดีว่า ศึกครั้งนั้น ตัวเองเป็นมือรอง ประสบการณ์ก็ไม่สูงนัก และ มีดีแค่ “เหนียว” เท่านั้น แต่ความเป็น “มือรอง” นี่เอง ที่กลับเป็นจุดแข็งของ นวธรณ์ ทำให้ลงสนามแข่งแบบไร้ความกดดัน การผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศในศึกคัดตัวทีมชาติ เพียงแค่ได้เป็น 1 ใน 3 นักหวดตัวแทนทีมชาติ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดแล้ว

“ในนัดชิงฯวันนั้น ผมรู้ว่าเป็นรอง ทำให้ไม่เครียดไม่กดดันอะไร พยายามตั้งใจเล่นให้เต็มที่ ตามที่ซ้อมและโค้ชแนะนำมา ก็ไม่คิดว่าจะชนะ เพราะคู่แข่งฝีมือดีและเก่งกว่าเยอะ” นวธรณ์ เยาวชนทีมชาติ ปัจจุบันอายุ 12 ปี เกิดวันที่ 2 เม.ย.2556 เป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด เป็นลูกชายที่มีคุณพ่อและคุณแม่เป็น “หมอ” ทั้งคู่ โดยคุณพ่อ ชื่อ นพ.สุรินทร์ นัมคณิสรณ์ และคุณแม่ชื่อ พญ.นวภรณ์ ผลากรกุล นวธรณ์ เริ่มก้าวสู่การเล่นเทนนิสในวัย 6 ขวบจากการตามแม่ไปสนาม ด้วยความที่คุณแม่เล่นเทนนิสเพื่อออกกำลังกายกับเพื่อนๆเท่านั้น โดยมี”โค้ชตัง” จิตตภู กลิ่นประชุม เป็นผู้ฝึกสอนให้

แต่เส้นทางการก้าวมาเอาจริงเอาจังในการส่งลูกชายลงสู่ถนนสายเทนนิสแบบเต็มตัว เกิดจากช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงเรียนปิด แต่คุณพ่อและคุณแม่ที่เป็นหมอ ยังต้องทำงาน ทั้งคู่จึงตัดสินใจส่งลูกชายไปเรียนเทนนิสอยู่ที่ “ปิรามิด เทนนิส อะคาเดมี่” ซึ่งเป็นสนามเทนนิสแห่งเดียวที่เปิดสอนในระบบปิด ปิรามิด เทนนิส อะคาเดมี่ มีทีมงานที่เข้ามาดูแลหลายด้าน โดยมี “ครูสรวง จันทร์อุไร” เป็นโค้ชใหญ่ การได้มีมืออาชีพมาสอนจริงจัง ทำให้ นวธรณ์ เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น หลังสถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้น จึงมีโอกาสลงแข่งเทนนิส จากเทนนิสเทนส์ มาสู่ เทนนิสบอลเขียว จากนักหวดที่มีผลงานท้ายๆปลายแถว ขยับมาสร้างผลงานในระดับกลางๆ สลับกับขึ้นมาอยู่แถวหน้าบ้าง

แม้จะไม่เปรี้ยงปร้าง โดดเด่น แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่เป็นจุดแข็ง คือ เล่นเหนียว ขยันวิ่งเก็บบอล และ หาจังหวะบุกทำแต้ม ส่งผลให้ นวธรณ์ ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งแชมป์ในเวทีคัดตัวทีมชาติ รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปีในปีนี้ ปัจจุบัน นวธรณ์ เรียนอยู่ที่ ร.ร.สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นนักเรียนที่ได้รับรางวัลเกียรติยศของโรงเรียน เป็นผู้นำวิ่งคบเพลิง และจุดคบเพลิง งานกีฬาสี ปี 2567 และเป็นนักกีฬาดีเด่นกีฬาสาธิตสามัคคี ปี 2567 อีกด้วย ส่วนนักเทนนิสอาชีพที่ชื่นชอบ คือ ยานนิค ซินเนอร์ นักหวดอิตาลี มือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน โดย นวธรณ์ บอกว่า ที่ชอบเพราะเป็นนักเทนนิสที่มีความพยายาม ขยัน ซึ่งถือว่าเป็นสไตล์ที่ตัวเองเล่นอยู่แล้ว และทำให้ยึดเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นเทนนิส

ขณะที่อนาคต แน่นอนว่า การได้เป็นนักเทนนิสอาชีพ ได้ลงแข่งในเวทีแกรนด์สแลม ถือเป็นความฝันอันสูงสุด แต่เส้นทางของ นวธรณ์ บนถนนสายนี้ยังอีกยาวไกล การฝันให้ใหญ่ และพยายามก้าวไปให้ถึงยังเป็นสิ่งที่ท้าทาย อย่างไรก็ตาม เมื่อประตูบานแรกกับโอกาสการเป็นนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติของ นวธรณ์ ได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเจออุปสรรคและบททดสอบที่หนัก นวธรณ์ ก็พร้อมลุย และก้าวข้ามผ่านไปให้ถึงเป้าหมายใหญ่ที่วางไว้ให้ได้ โดยมีครอบครัว และทีมงานผู้ฝึกสอนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง “ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด และ ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง” นั่นคือคำมั่นที่ นวธรณ์ บอกกับตัวเองทุกครั้งที่ลงสนามแข่งขัน และจะยังเป็นการย้ำเตือนตัวเองเสมอในทุกย่างก้าวบนถนนสายเทนนิสที่จะนำเขาไปสู่การเป็นนักหวดอาชีพในอนาคต

LTAT