แพทริค แค็นดอลล์ ไฮเอิลบรอนนัก
หวดผู้ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
คอลัมน์ : เปิดตัวทีมชาติ 2564
แพทริค แค็นดอลล์ ไฮเอิลบรอนนัก
หวดผู้ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
แม้ความพลาดหวังในการคัดเลือกตัวนักเทนนิสทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปีไปครั้งหนึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา จะทำให้หัวใจดวงน้อยๆของ “ด.ช.แพทริค แค็นดอลล์ ไฮเอิลบรอน” นักเทนนิสเยาวชนจากเมืองย่าโม จ.นครราชสีมา ลูกครึ่ง ไทย-อเมริกัน ผู้นี้จะบอบช้ำไปพอสมควร
แต่ด้วยความมี “เลือดนักสู้” ผู้ไม่ “ย่อท้อต่ออุปสรรค” และ “กล้า” เผชิญหน้าให้กับ “ความผิดหวัง” ด้วยหัวใจที่มี “พลัง” ลุกขึ้นยืนหยัดยืดอก”สู้” อีกครั้ง
แพทริค เปลื่อนความผิดหวังให้เป็นพลัง ตั้งใจฝึกซ้อมพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง กระทั่งมาปีนี้ “ฝัน”ของนักเทนนิสวัย 12 ปีจากเมืองย่าโมก็เป็นจริง
เมื่อสามารถสร้างผลงานคว้าอันดับที่ 3 และสิทธิ์ในการเป็น “นักเทนนิสทีมชาติ” ในรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปีได้สำเร็จ…
เป็นการติดทีมชาติครั้งแรก…ในชีวิต!!!
ด.ช.แพทริค แค็นดอลล์ ไฮเอิลบรอน ลูกครั้งไทย-อเมริกัน วัย 12 ปีจากเมืองย่าโม จ.นครราชสีมา เกิดวันที่ 10 มกราคม 2552 เป็นลูกชายของ นายเคิร์ท วิลเลี่ยม ไฮเอิลบรอน และ นางรัชตา ไฮเอิลบรอน ก้าวเข้ามาเล่นเทนนิสครั้งแรกด้วยวัยเพียง 4 ขวบ เพราะคุณแม่ต้องการเพียงแค่ให้ลูกชาย “ได้เล่นกีฬา” เพื่อเป็นกิจกรรมให้ลูกชายที่มีพลังล้นเหลือได้ปลดปล่อยอย่างเต็มที่ และมีร่างกายแข็งแรง
“ในใจแม่ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะให้ลูกเล่นเทนนิสเพื่อมุ่งมาติดทีมชาติหรือเป็นนักกีฬาอาชีพ แม่คิดตอนนั้นก็แค่ว่าอยากให้ลูกปลดปล่อยพลัง เพราะแพทริค เป็นเด็กที่มีพลังงานล้นเหลือ นอนยากทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน พอดีไปเห็นประกาศติดที่หน้าสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษาที่นครราชสีมาว่าจะมีการเปิดสอนเทนนิสฟรีก็ได้ไปปรึกษาคุณพ่อของเขาและได้ลองพาลูกมาที่สนาม”
“แพทริค เห็นเทนนิสครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้นและชอบ เขาจะไปยืนดูพี่ๆน็อคบอล และ เกาะรั้วดูพี่ตีบอลในสนามไม่ยอมกลับบ้านจนพี่ในสนามเรียกให้ไปลองตีดู เขาก็ตีบอลได้ด้วยทั้งๆที่ไม่เคยเล่นเทนนิสมาก่อน และ ไม่กลัวบอลเลย”
จากนั้น แพทริค ก็ได้มาซ้อมเทนนิสอย่างต่อเนื่อง “ทุกวัน” ภายใต้การดูแลของ “โค้ชแบงค์” อภิชาติ เรืองลาภอนันต์ และจะใช้เวลาหมดไปกับการซ้อมเทนนิสไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง และจะมีความกระตือรือร้นทุกครั้งที่ได้ไปเล่นเทนนิส
หลังเรียนรู้การตีเทนนิสพื้นฐานในระดับเริ่มต้นตามวัยของเขาได้ประมาณ 2 ปี แพทริค ได้ลองลงสนามแข่งขันรายการแรก คือ แมตช์เยาวชนที่สนามศรีชาพันธ์ จ.ขอนแก่น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยความที่เป็นมือใหม่ ทั้งตื่นเต้น และไม่รู้กฎกติกาของการแข่งขัน จึงทำให้เล่นไม่ออก ตีไม่ได้
“จบรายการนั้นแพทริคไม่กล้าที่จะลงแข่งขันอีกเลย แต่ก็ยังชอบที่จะเล่นเทนนิส เขายังไปซ้อม ขยันซ้อมเหมือนเดิม แต่ที่ไม่กล้าแข่งก็เพราะกลัวที่จะผิดหวังแบบเดิม ซึ่งในช่วงนั้นโค้ชแบงค์ก็ได้พยายามปรับและสอดแทรกให้รู้ถึงกติกาการแข่งขันให้ดูเส้นในสนาม เสิร์ฟให้ลงเส้นไหน จนเขาเริ่มเข้าใจกติกาการแข่งขันมากขึ้น”
แพทริค กลับลงสู่สนามแข่งขันอีกครั้งในรายการเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 8 ปีที่จ.นครราชสีมา ในขณะที่ตัวเองอายุ 7 ขวบ และทำผลงานคว้าอันดับที่ 3 ได้เหรียญรางวัลติดมือกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่ใช่ผลงานที่ตัวเขารู้สึกพอใจ “จบรายการนี้แพทริคมาบอกแม่ว่า เขาไม่ภูมิใจกับรางวัลที่ 3 ที่เขาได้รับเหมือนว่าเขายังไม่ได้ใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ จากนั้นแม่ก็พยายามพาเขาไปแข่งในจังหวัดอื่นๆแถวอีสานซึ่งผลงานก็ยังไม่ดี เกือบปีที่แพทริคไม่ชนะเลิศได้แต่เหรียญรางวัลมา จนเขามาบอกแม่ว่า เขาไม่อยากได้เหรียญรางวัลแล้วเขาอยากได้ถ้วยรางวัลบ้าง”
จากนั้น แพทริคได้ลองมาแข่งขันในกรุงเทพฯรายการที่มีถ้วยรางวัล ซึ่งรายการแรกที่มาแข่งคือ ศึกจำเริญคัพ และแพทริคก็ทำผลงานได้ดีเขาชนะเลิศ และได้ถ้วยรางวัลกลับบ้าน
“ถ้วยรางวัลแรกนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนอย่างมาก เพราะแพทริค เริ่มมีพลัง มีกำลังใจ เขาดีใจและภูมิใจกับผลงานมาก กลับมาก็มุ่งมั่นฝึกซ้อม และชอบที่จะเล่นเทนนิสมากขึ้น เทนนิสเข้าไปอยู่ในสายเลือดเขาแล้ว”
นอกจากผลงานถ้วยรางวัลจะเป็นสิ่งที่ทำให้ แพทริค มีพลังมุ่งมั่นขยันฝึกซ้อมแล้ว การได้คุณพ่อเข้ามาดูแล เลือกอุปกรณ์ไม้เทนนิส สายเอ็น ที่ถูกต้องเหมาะสมกับสรีระร่างกายสไตล์การเล่นของลูก รวมถึงการเอาใจใส่ในการค้นคว้าหาข้อมูลปรึกษากูรูผู้รู้จริงในการเล่นเทนนิสของเด็กวัยนี้จากสหรัฐอเมริกา ทำให้พัฒนาการของ แพทริค ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด
แพทริคเดินสายล่าแชมป์และก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ของนักเทนนิสวัย 8 ปีจากภาคอีสานในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนที่จะ “แจ้งเกิด” คว้าแชมป์เทนนิสเยาวชนเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2560 ในรุ่นอายุไม่เกิน 8 ปีได้ทั้งประเภทเดี่ยวและคู่ รวมถึงการคว้าแชมป์ชายเดี่ยว ในศึกเทนนิสพัฒนาฝีมือฯ รอบมาสเตอร์ในปีเดียวกันได้อีกด้วย
ผลงานของ แพทริค ยังมีมาอย่างต่อเนื่องตลอดมานับจากนั้นกระทั่งเข้าสู่วัย 12 ปีที่สามารถผ่านการคัดเลือกจากฝีมือ ความสามารถ และ ผลงานในการแข่งขันคัดเลือกตัวทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี
“สิ่งที่ทำให้ แพทริค ประสบความสำเร็จในวัยของเขาอย่างหนึ่งก็คือ เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท และ ขยันฝึกซ้อมเทนนิสมาก อีกทั้งยังเป็นคนที่ ไม่ยอมแพ้ ให้อะไรง่ายๆ แม้ว่าจะผิดหวังจากการแข่งขันบ้าง แต่เขาจะกลับมาซ้อม และแก้ไขให้ดีขึ้นอยู่เสมอ”
“คุณพ่อจะบอกเขาทุกครั้งในการลงแข่งขันว่า เราต้องตั้งใจเล่นให้เต็มที่เกินร้อยทุกครั้ง เพราะนักเทนนิสที่ลงแข่งเขาก็สู้เต็มร้อยกันทุกคน เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งใจให้มากกว่า และแม่ก็จะพยายาบอกเขาว่า ทุกครั้งที่ลงแข่งให้เล่นให้สนุก อย่ากดดันตัวเอง เล่นให้เต็มที่ตามสไตล์ของเรา ให้คนดูชอบ แม้เราจะแพ้แต่ถ้าคนดูชอบการเล่นของเรานั่นก็หมายความว่าวันนั้นเราเล่นได้ดีที่สุดแล้ว แต่กีฬามีแพ้มีชนะเทนนิสไม่มีคำว่าเสมอ เพราะฉะนั้นผลแพ้ชนะก็อยู่ที่จังหวะและโอกาสของแต่ละคน เราแพ้ก็กลับมาแก้ไข ยังมีรายการ อื่นๆให้เราแก้มืออีก”
ด้วยการปลูกฝังให้ลูกเล่นเทนนิสเด้วยความ “คิดบวก” และเล่นเทนนิสด้วยหัวใจนี่เอง ทำให้วันนั้น แพทริค เป็นนักเทนนิสที่เล่นเทนนิสด้วยความสุข และไม่เคยย่อท้อยอมแพ้ให้คู่ต่อสู้ง่ายๆ ใครได้มาลงสนามแข่งกับเขาถ้าอยากจะชนะก็ต้องออกแรงให้มากหน่อย
แพทริค เป็นนักเทนนิสที่เล่นในสไตล์ All court versatile ชื่นชอบ ราฟาเอล นาดาล กับ กริกอร์ ดิมิทรอฟ ด้วยความที่เล่นสไตล์การตีสปินโค้ง และจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ค่อนข้างสูงเหมือนกัน
ด้านอนาคตแน่นอนว่า แพทริค ก็ไม่ต่างจากนักเทนนิสคนอื่นๆ คือ นอกจากการได้เป็นตัวแทนนักเทนนิสทีมชาติไทยแล้ว การเป็นนักเทนนิสอาชีพก็คือเป้าหมายสูงสุด
“ดีใจและภูมิใจมากครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมเทนนิสเยาวชนไทยในรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ต้องขอขอบคุณผู้บริหารสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนให้มีการคัดเลือกตัวในครั้งนี้ ผมพร้อมและยินดีเต็มที่ที่จะพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีและพร้อมจะทำหน้าที่ตัวแทนทีมชาติไทยอย่างสุดความสามารถ”
ทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี คือ บันไดขั้นแรกของ แพทริค ในการรับใช้ชาติ แต่เส้นทางบนถนนสายนี้ยังอีกยาวไกล เขายังมีเวลาในการพัฒนาฝีมือศักยภาพของตัวเองอีกมาก การค่อยๆก้าวไปทีละก้าวอย่างกล้าแกร่ง และ มั่นคง วางแผนการเล่นไปทีละขั้นทีละตอน ค่อยๆเรียนรู้จากประสบการณ์จะช่วยสร้างความเข็มแข็ง แข็งแกร่งทั้งกายใจให้ตัวเองในอนาคตได้
ตราบใดที่หัวใจยังสู้และมีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค “แพทริค แค็นดอลล์ ไฮเอิลบรอน” จะสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จสมดังมุ่งหวังและเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจให้วงการเทนนิสไทยและประเทศชาติได้อย่างแน่นอน