เทนนิสคือส่วนหนึ่งของชีวิต “ปูนทอง โกมลพิสุทธิ์” ไม่ล้มเลิก…ไม่มีคำว่า”ล้มเหลว”

Written by LTAT Admin

เทนนิสคือส่วนหนึ่งของชีวิต “ปูนทอง โกมลพิสุทธิ์” ไม่ล้มเลิก…ไม่มีคำว่า”ล้มเหลว”

คอลัมน์ : เปิดตัวทีมชาติ 2564

“เพราะผมเคยผ่านความพ่ายแพ้มาเยอะก่อนจะมาถึงวันนี้ ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า ไม่มีอะไรยากเกินความพยายาม ถ้าใจเราไม่ยอมแพ้ ผมก็จะสามารถก้าวมาสู่วันแห่งชัยชนะได้”

“ปูน” หรือ ปูนทอง โกมลพิสุทธิ์ นักเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีประจำปี 2564 กล่าวถึงที่มาของคติพจน์ประจำใจที่ใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้มีพลังต่อการก้าวบนเส้นทางสายกีฬาเทนนิส ที่มีเป้าหมายสู่การเป็นทีมชาติชุดใหญ่เพื่อต่อยอดสานฝันกรุยทางสู่ “โอลิมปิกเกมส์”

“ผมไม่ใช่นักเทนนิสโดยสายเลือด การเข้ามาเล่นกีฬาเทนนิสของผมเกิดมาจากการชักชวนของเพื่อนข้างบ้านที่เรียนโรงเรียนเดียวกันในวัยเด็ก ซึ่งตอนนั้นผมอายุ 5 ขวบ เพื่อนอยากเล่นเทนนิสเขาก็มาชวนและแม่ผมก็ชอบกีฬาชนิดนี้อยู่แล้ว อยากให้ใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนเล่นกีฬาเพื่อออกกำลังกาย”

ปูนทอง ผู้ที่เกิดวันที่ 11 เมษายน 2548 เป็นชาวกรุงเทพมหานคร บุตรชายของคุณพ่อสมเกียรติ โกมลพิสุทธิ์ และคุณแม่ นางสาวลักษณ์สิมา ดอกไม้ เป็นพี่ชายของ เด็กชายจันทภาส โกมลพิสุทธิ์(พูม่า) ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ชั้น ม.5 เริ่มต้นเข้ามาเล่นกีฬาเทนนิสในวัย 5 ขวบ ด้วยการจับแร็กเกตตามเพื่อนเข้าสู่สนามด้วยความรู้สึก”เฉยๆ” มากกว่าความรู้สึก “ชื่นชอบ” โดยมีผู้ฝึกสอนคนแรกชื่อ “ครูเล็ก” เจ้าของสนามเทนนิสสวนหลวง ร.9 ในขณะนั้น

“ผมไม่เคยรู้จักเทนนิสมาก่อน ตอนนั้นก็ตามเพื่อนไปเล่นเฉยๆ แต่หลังจากที่ฝึกทักษะพื้นฐานการเล่นเทนนิสได้ประมาณ 1 ปี ครูเล็ก ได้พาไปลงสนามแข่งขันรายการแรกก็เป็นรายการของอาจารย์กระแส ด้วยความเป็นมือใหม่เพิ่งสัมผัสกับการแข่งขันเป็นครั้งแรก ผมก็ไม่ประสบความสำเร็จตกรอบแรก ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร เฉยๆมาก เพราะอย่างที่บอกผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเทนนิสมาก เล่นตามเพื่อน ไปแข่งเพราะโค้ชชวน ทำให้ไม่ได้ตั้งความหวังกับการแข่งขันอะไรเลย”
กระทั่งผ่านรายการแข่งขันประมาณ 5 รายการ ความรู้สึกกับกีฬาเทนนิสของ ปูนทองก็เปลี่ยนไป หลังจากที่สามารถเก็บชัยชนะ “ครั้งแรก” ในชีวิตขณะที่อายุได้ 6 ขวบเศษๆ

“ถามว่าตอนชนะรอบแรกเป็นครั้งแรกหลังแพ้มาตลอด 5 รายการ ผมรู้สึกอย่างไร จำได้ว่าตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย แข่งจบก็แค่ยังงงๆว่า จบแล้วเหรอ ชนะแล้วเหรอ แค่นั้น แต่สิ่งที่ประทับใจและทำให้ผมอยากลงแข่งขันเทนนิส และ ฝึกซ้อมเทนนิสต่อก็คือ การมาสนามแข่งขันทำให้ผมได้เจอกับเพื่อนใหม่มากมายและสนุกกับบรรยากาศการแข่งขัน”

ความอยากที่จะไปสนามแข่งขันเทนนิสทำให้ ปูนทอง ก้าวสู่โลกของกีฬาเทนนิสอย่างจริงจังโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่เพื่อนข้างบ้านเลิกเล่นเทนนิสแล้ว แต่เขายังคงมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีขึ้น พร้อมย้ายสนามฝึกซ้อมมาที่สนามของอาจารย์กระแสร์ แสนวิเศษ พร้อมการออกตระเวนแข่งขันกับคู่แข่งที่หลากหลายตามต่างจังหวัดมากขึ้น

กระทั่งอายุได้ 7 ขวบเศษ ปูนทอง สามารถกระชาก “แชมป์แรก” ในชีวิตมาครองได้สำเร็จในการแข่งขันเทนนิส ลอนเทนนิส พัฒนาฝีมือฯ ภาคเหนือที่ จ.อุตรดิตถ์ ในรุ่นอายุไม่เกิน 8 ปี
“จำได้ว่าตอนนั้นดีใจมากครับ เพราะเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในชีวิต และสามารถเอาชนะคู่แข่งที่ผมไม่เคยชนะมาได้เลยตั้งแต่ลงแข่งขันมา ก็มาชนะได้ที่รายการนี้”

หลังจากวันนั้น ปูนทอง ยังคงขยันตั้งหน้าฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีขึ้น แต่เพราะความที่ยังไม่ได้มีการวางแผน วางเป้าหมายการเล่นเทนนิสที่ชัดเจนมากกว่าการไปแข่งขัน ทำให้ความมุ่งมั่นกระหายในชัยชนะจากการแข่งขันจึงยังไม่สูงนัก ความพ่ายแพ้จากการแข่งขันจึงมีให้เห็นอยู่หลายครั้ง
ปูนทอง มาเริ่มเบื่อที่จะเล่นกีฬาเทนนิสมากขึ้นหลังจากย้ายมาเรียนที่ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ในชั้นม.1 เพราะโลกของเขากว้างขึ้นมีเพื่อนใหม่มากขึ้น และ มีกิจกรรมในโรงเรียนที่หลากหลาย โดยเฉพาะการได้สัมผัสกับกีฬาใหม่อย่าง บาสเกตบอล ที่เล่นเป็นทีมและมีเพื่อนเยอะ

“ตอนนั้นผมเบื่อเทนนิสถึงขั้นที่อยากจะเลิกเล่นไปเลยนะครับ” แต่สิ่งที่ทำให้ ปูนทอง ยังคงเลือกจะเล่นกีฬาเทนนิสต่อ นั่นคือ คำพูดของ “โค้ชหนึ่ง” ก้องภพ เลิศชัย ผู้ฝึกสอนที่ดูแลขณะที่เข้าไปซ้อมอยู่ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี ที่พยายามบอกเสมอขณะนั่งรถกลับมาด้วยกันหลังการฝึกซ้อม

“จะว่าโค้ชหนึ่งป้ายยาผมก็ว่าได้ เพราะตอนนั่งรถกลับด้วยกันเขาก็จะพูดตลอดว่า ไม่อยากเป็นทีมชาติเหรอ เนี้ย เอารุ่น 14 ปีก่อนก็ได้ แล้วก็จะเล่าเรื่องความสนุกของการเล่นเทนนิส ทำให้ผมเปลี่ยนใจเล่นเทนนิสต่อและพยายามฝึกซ้อมพัฒนาฝีมือตัวเอง จนมาได้แชมป์ เอทีเอฟ รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ก่อนที่จะวางเป้าหมายในการเล่นเทนนิสชัดเจนขึ้น โดยเริ่มจากการติดทีมชาติรุ่น 14”

มาถึงการแข่งขันรอบคัดเลือกทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ปูนทอง ไม่ประสบความสำเร็จ เขาทำผลงานมาได้ดีที่สุดคือ รอบ 8 คนสุดท้าย ด้วยสาเหตุก็คือ การเตรียมตัวการฝึกซ้อมที่ยังไม่ดีพอ
“เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับผลการแข่งขันมาก แต่ก็ได้โค้ชหนึ่งที่มาให้กำลังใจและบอกว่า ทีมชาติไม่ได้มีแค่รุ่น 14 ปี เรายังมีเวลาฝึกซ้อมแล้วกลับมาคัดตัวรุ่น 16 ปีใหม่ ยังมีโอกาสสำหรับเราเสมอ”

ปูนทอง เปลี่ยนความผิดหวังในครั้งนั้นให้เป็น “พลัง” ให้ตัวเองในการพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเขาสามารถคว้าตำแหน่ง “รองแชมป์” ชายเดี่ยวเทนนิสเพื่อความชนะเลิศแห่งประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี พร้อมกับได้รับโอกาสในการเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา

แม้ปีที่แล้ว ปูนทอง จะกลับมาคัดตัวทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้ แต่เขากลับไม่ได้เสียใจหรือผิดหวังเหมือนคัดตัวทีมชาติรุ่น 14 ปี เพราะเมื่อเขาดูจากผลการแข่งขันในแต่ละแมตช์ของรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเขาอยู่กลุ่มค่อนข้างหนัก มีเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่เคยชนะมาได้เลยและมีมือวาง 1 ของรายการอยู่ร่วมสาย
“ผมไม่ผิดหวังกับการแข่งขันเพราะสกอร์ในการเจอทั้งมือ 1 และเพื่อนที่ยังไม่เคยชนะมานั้น ค่อนข้างสูสี ผมจะไม่ได้ดูผลแข่งใหญ่ แต่ผมจะดูในแต่ละแต้มแต่เกมที่ผมได้ ค่อนข้างสูสีและดีขึ้นจากเดิม ซึ่งนั่นก็แสดงว่าผมมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และยังจะสามารถพัฒนาได้อีกถ้าผมเรียนรู้จากความพ่ายแพ้มาแก้ไขจุดอ่อนให้ดีขึ้น ผมก็ยังเชื่อว่าตัวเองจะมีโอกาสกลับมาชนะหากได้เจอกันอีกครั้ง”

ปีนี้ ปูทอง กลับลงสู่สนามคัดตัวทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีอีกครั้ง และเป็นการกลับมาที่ค่อนข้างพร้อม หลังจากได้รับการฝึกซ้อมอย่างหนักจาก “โค้ชหนึ่ง” ในสังกัดของ “สแมช อิท อะคาเดมี่” ซึ่งก่อนแข่งโค้ชก็ได้บอกว่า ให้เล่นในแต่ละแมตช์อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลกับผลแข่งขัน เพราะถ้าไม่ได้ติดทีมชาติรุ่นนี้ ก็ยังมีรุ่นใหญ่ในปีต่อๆไป ยังมีรายการอาชีพ ยังมีอะไรดีๆกับกีฬาเทนนิสรออยู่อีกเยอะ
“แม้ว่าผมอยากจะติดทีมชาติ แต่ด้วยความรู้สึกที่ไม่ต้องกดดันตัวเอง ผมคิดเสมอว่าเราจะต้องทำให้เต็มที่ เราไม่มีอะไรจะเสีย ก็เลยทำให้ผมไม่ต้องกังวลอะไรเล่นตามที่ฝึกซ้อมและเต็มที่กับทุกแมตช์และผลแข่งขันก็ออกมา ผมได้ที่สามและติดทีมชาติเป็นครั้งแรก”

ปูนทอง เป็นนักเทนนิสที่เล่นสไตล์ท้ายคอร์ต ตั้งรับเพื่อรอจังหวะบุกโจมตี และมีรูปร่างที่ค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจุบันเขาสูง 185 ซม. เพราะฉะนั้นในวัย 16 ปียังเป็นช่วงวัยที่ร่างกายยังสามารถเจริญเติบโตได้อีก ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องปรับให้ดีขึ้นคือ การขยับเขาหาบอล การปรับเกมการเล่นให้มีความหลากหลาย มีเกมบุกที่เฉียบคม รวมถึงการสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย
โนวัค โจโควิช นักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวเซอร์เบีย คือนักเทนนิสที่ ปูนทอง ชื่นชอบมาก เนื่องจากชอบในบุคลิกเวลาอยู่ในสนามแข่ง ความฉลาดในการเล่น และเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลก ยิ่งทำให้นักหวดเยาวชนไทยผู้นี้อยากก้าวสู่ระดับโลกเช่นเดียวกับ โจโควิช บ้าง

และจากก้าวแรกของการติดทีมชาติ ยิ่งทำให้ ปูนทอง เริ่มสร้างฝันที่ยิ่งใหญ่ให้ตัวเอง นั่นคือ การก้าวสู่ทีมชาติชุดใหญ่เพื่อไปเล่นใน “โอลิมปิกเกมส์”
“ผมรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ผมยังต้องผ่านอะไรอีกเยอะ แต่การวางเป้าหมายให้ตัวเองก็จะเป็นการสร้างกำลังใจ และทำให้ตัวเองมีความมุ่งมั่น ตั้งใจฝึกซ้อมพัฒนาฝีมือเรียนรู้ประสบการณ์จากการแข่งขันให้มากขึ้น การจะไปโอลิมปิกเกมส์ ผมก็ต้องผ่านการเล่นระดับอาชีพต้องมีแรงกิ้งที่ติดท็อป 100 ของโลก ซึ่งนับจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่ง่ายอีกต่อไป ผมก็ต้องเตรียมตัวเตรียมพร้อมซ้อมให้หนักและทำให้ดีที่สุดในทุกๆรายการแข่งขัน”

และด้วยความเชื่อที่ว่า “ถ้าไม่เลิก จะไม่มีคำว่าล้มเหลว” ยิ่งได้สร้างพลังและความมั่นใจให้ “ปูนทอง โกมลพิสุทธิ์” ก้าวไปสร้างฝันที่ยิ่งใหญ่นี้ให้เป็นจริงขึ้นมาได้ในสักวันหนึ่ง…อย่างแน่นอน

LTAT